วัฒนธรรมประเพณี
ในอดีตชุมชนแวงน่าง
เป็นสังคมที่มีความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัวในชุมชน
ชาวบ้านมีวิถีการทำนาที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษเป็นชุมชนที่นับถือศาสนาพุทธ
ปฏิบัติตามฮีตคองประเพณีตามหลักศาสนามีกิจกรรมงานบุญที่ทำร่วมกับวัดมาก สิ่งที่เชื่อมร้อยความสัมพันธ์ของคนให้ทำงานร่วมกัน
ดูแลช่วยเหลือกันจนเกิดประเพณีที่ดีงามที่ชาวอีสานเรียกว่า อีต12 หมายถึง เดือนทั้ง
12 เดือน
ในหนึ่งปีสิ่งที่ชาวอีสานได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาในโอกาสต่างๆเป็นประเพณีที่ส่งเสริมให้คนในชุมชน เป็นกิจกรรมที่ทำให้คนในชุมชนได้ออกมาพบเจอพบประสังสรรค์ เพื่อความรื่นเริง
มีความสามัคคีเกิดความรักใคร่กันของคนในชุมชนแวงน่าง สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ประเพณีสำคัญ
12 เดือน ของชาวอีสานโบราณนั้นประกอบด้วย
เดือนอ้าย (ธันวาคม) หรือเดือนเจียง งานบุญเข้ากรรม
มีงานบุญดอกผ้า (นำผ้าห่มหนาวไปถวายสงฆ์) ประเพณีเส็งกลอง ทำลานตี(ลานนวดข้าว)ทำปลาแดก (ทำปลาร้าไว้เป็นอาหาร) เกี่ยวข้าวในนา เล่นว่าว ชักว่าวสนู
นิมนต์พระสงฆ์เข้าประวาสกรรมตามประเพณีนั้นมีการทำบุญทางศาสนา
เพื่ออนิสงฆ์ทดแทนบุญคุณต่อบรรพบุรุษ ชาวบ้านเลี้ยงผีแถน ผีบรรพบุรุษ มีการตระเตรียมเก็บสะสมข้าวปลาอาหารไว้กินในยามแล้ง
เดือนยี่ (มกราคม) งานบุญคูนลาน ทำบุญที่วัด
งานนมัสการหลวงปู่โล่
พระสงฆ์เทศน์เรื่องแม่โพสพ ทำพิธีปลงข้าวในลอมและฟาดข้าวในลาน
ขนข้าวเหลือกขึ้นเล้า (ยุ้งฉาง) นับเป็นความเชื่อในการบำรุงขวัญและสิริมงคลทางเกษตรกรรม
มีทั้งทำบุญที่วัดและบางครั้งทกบุญที่ลานนวดข้าว
เมื่อขนข้าวใส่ยุ้งแล้วมักไปทำบุญที่วัด
เดือนสาม (กุมภาพันธ์) บุญข้าวจี่ มีพิธีเลี้ยงลาตาแฮก(พระภูมินา) เพราะขนข้าวขึ้นยุ้งแล้ว
งานเอิ้นขวัญข้าวหรือกู่ขวัญข้าว เพ็ญเดือนสามทำบุญข้าวจี่ตอนเย็นทำมาฆบูชา ลงเข็นฝ้ายหาหลัวฟืน (ไม้เชื้อเพลิงลำไม้ไผ่ตายหลัว
กิ่งไม้แห้ง(ฟืน) ตามประเพณีหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวใส่ยุ้งแล้ว
มีการทำบุญเซ่นสรวงบูชาเจ้าที่นา ซึ่งชาวอีสานเรียกว่าตาแฮก
และทำบุญแผ่ส่วนกุศลให้ผีปู่ย่าตายาย อันเป็นการแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ
โดยการทำข้าวจี่ (ข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนสอดไส้น้ำตาลหรือน้ำอ้อยชุบไข่ปิ้งจนเหลือง) นำไปถวายพระพร้อมอาหารคาวหวานอื่นๆ
เดือนสี่ (มีนาคม) บุญพระเวส(อ่านออกเสียงพระ-เหวด) มีงานบุญพระเวส(ฟังเทศน์มหาชาติ)
แห่พระอุปคุตตั้งศาลเพียงตา ทำบุญแจกข้าวอุทิศให้ผู้ตาย (บุญเปตพลี) ประเพณีเทศน์มหาชาติเหมือนกับประเพณีภาคอื่นๆ
ด้วย เป็นงานบุญทางพุทธศาสนาที่ถือปฏิบัติทำบุญถวายภัตตาหารแล้วตอนบ่ายฟังเทศน์
เรื่องเวสสันดรชาดก ตามประเพณีวัดติดต่อกัน 2-3 วันแล้วแต่กำหนดในช่วงที่จัดงานมีการแห่พระอุปคุตเพื่อขอให้บันดาลให้ฝนตกด้วย
เดือนห้า (เมษายน) บุญสรงน้ำ หรือเทศกาลสงกรานต์
ชาวอีสานเรียกกันว่า สังขานต์ ตามประเพณีจัดงานสงกรานต์นั้น บางแห่งจัดกัน 3
วัน บางแห่ง 7 วัน
แล้วแต่กำหนดมีการทำบุญถวายภัตตาหารคาวหวาน หรือถวายจังหันเช้า-เพลตลอดเทศกาล ตอนบ่ายมีสรงน้ำพระ รดน้ำผู้ใหญ่ผู้เฒ่าก่อเจดีย์ทราย
เดือนหก (พฤษภาคม) บุญบั้งไฟ บางแห่งเรียก
บุญวิสาขบูชา มีงานบุญบั้งไฟ (บุญขอฝน) บุญ
วิสาขบูชา วันเพ็ญเดือนหกเกือบตลอดเดือนหกนี้ ชาวอีสานจัดงานบุญบั้งไฟ จัดวันใดแล้วแต่คณะกรรมการหมู่บ้านกำหนดถือเป็นการทำบุญบูชาแถน (เทวดา) เพื่อขอให้ฝนตกต้องตามฤดูกาลและความอุดมสมบูรณ์ของข้าวปลาอาหารในปีต่อไปครั้นวันเพ็ญหก เป็นงานบุญวิสาขบูชาประเพณีสำคัญทางพุทธศาสนา มีการทำบุญฟังเทศน์และเวียนเทียนเพื่อผลแห่งอานิสงส์ในภพหน้า
วิสาขบูชา วันเพ็ญเดือนหกเกือบตลอดเดือนหกนี้ ชาวอีสานจัดงานบุญบั้งไฟ จัดวันใดแล้วแต่คณะกรรมการหมู่บ้านกำหนดถือเป็นการทำบุญบูชาแถน (เทวดา) เพื่อขอให้ฝนตกต้องตามฤดูกาลและความอุดมสมบูรณ์ของข้าวปลาอาหารในปีต่อไปครั้นวันเพ็ญหก เป็นงานบุญวิสาขบูชาประเพณีสำคัญทางพุทธศาสนา มีการทำบุญฟังเทศน์และเวียนเทียนเพื่อผลแห่งอานิสงส์ในภพหน้า
เดือนเจ็ด (มิถุนายน)
บุญชำฮะ มีพิธีเลี้ยงตาแฮก ปู่ตา
หลักเมือง งานบุญเบิกบ้านเบิกเมือง งานเข้านาคเพื่อบวชนาค
คติความเชื่อหลังจากหว่านข้าวกล้าดำนาเสร็จ มีการทำพิธีเซ่นสรวงเจ้าที่นา
เพื่อความเป็นสิริมงคลให้ข้าวกล้าในนางงอกงาม ต้องเตรียมเครื่องบวงสรวง ได้แก่
ทำกรวยกระทง บรรจุคำพลู คำหมาก
กล้วย เผือก มัน
ไก่ เหล้าขาว บ้านที่กุลบุตรมีงานอุปสบทดแทนบุญคุณบิดามารดาและเตรียมเข้ากรรมในพรรษาขัดตาแหลวปักให้ทั่วนาทั้
ง 4 ทิศเพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายไม่ดีออกจากนาหรือครอบครัว
เดือนแปด (กรกฎาคม) งานบุญเข้าพรรษามีพิธีหล่อเทียนพรรษางานบุญเทศกาลเข้าพรรษา แต่ละหมู่บ้านช่วยกันหล่อเทียนพรรษา ประดับให้สวยงาม จัดขบวนแห่เพื่อนนำไปถวายเป็นพุทธบูชา มีการทำบุญถวายภัตตหาร
เครื่องไทยทานและผ้าอาบน้ำฝน เพื่อพระสงฆ์จะได้นำไปใช้ตลอดเทศกาลเข้าพรรษา
เดือนเก้า (สิงหาคม) บุญข้าวประดับดิน จัดงานวันแรม
14 ค่ำ เดือน 9 นับแต่เช้ามืด
ชาวบ้านจัดอาหารคาวหวาน หมากพลูบุหรี่ใส่กระทงเล็กๆ นำไปวางไว้ตามลานบ้าน ใต้ต้นไม้ ข้างพระอุโบสถ
เพื่อเป็นการให้ทานแก่เปรตหรือวิญญาณที่ตกทุกข์ได้ยากตอนสายมีการทำบุญที่วัด
ฟังเทศน์เป็นอานิสงส์ทำนายคางไก่ที่ต้มสุกแล้ว
ถ้าคางไก่ย่น ทำนายว่า ฝนไม่ดี
ถ้าคางไก่เรียบโค้งสวยงาม ทำนายว่า
ฝนดี ข้าวปลานาน้ำอุดมสมบูรณ์
เดือนสิบ (กันยายน) บุญข้าวสาก ข้าวสาก
หมายถึง การกวนกระยาสารท
คล้ายงานบุญสลากภัตในภาคกลาง
จัดงานวันเพ็ญเดือน 10 นำสำรับคาวหวานพร้อมกับข้าวสาก (กระยาสารท) ไปทำบุญที่วัดถวายผ้าอาบน้ำฝนและเครื่องไทยทาน แต่ก่อนที่จะถวายนั้นจะทำสลากติดไว้
พระสงฆ์องค์ใดจับสลากใดได้ก็รับถวายจากเจ้าของสำรับนั้น
ตอนบ่ายฟังเทศน์เป็นอานิสงส์
เดือนสิบเอ็ด (ตุลาคม)
บุญออกพรรษา
มีพิธีถวายผ้าห่มหนาวในวันเพ็ญ มีงานบุญตักบาตรเทโว พิธีกวนข้าวทิพย์ พิธีลอยเรือไฟนับเป็นช่วงที่จัดงานใหญ่กันเกือบตลอดเดือน นับแต่วันเพ็ญ
มีการถวายผ้าห่มหนาวแต่พระพุทธพระสงฆ์
วันแรม 1 ค่ำ งานบุญตักบาตรเทโว ตอนเย็นวันขึ้น 14
ค่ำ
มีพิธีกวนข้าวทิพย์ มีงานช่วงเฮือ (แข่งเรือ) ในวันเพ็ญมีงานแห่ปราสาทผึ้ง พิธีลอย
เฮือไฟ (ไหลเรือไฟ) เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา
มีทั้งงานบุญกุศลและสนุกสนานรื่นเริง
เดือนสิบสอง (พฤศจิกายน) บุญกฐิน
ทำบุญข้าวเม่าพิธีถวายกฐินเมื่อถึงวันเพ็ญจัดทำข้าวเม่า(ข้าวใหม่)นำไปถวายพระ
พร้อมสำรับคาวหวานขึ้นตอนบ่ายฟ้งเทศน์เป็นอานิสงส์จัด พิธีทอดกฐินตามวัดที่จองกฐินไว้ งานบุญในฮีตสิบสองนั้น ตามหมู่ที่เคร่งประเพณียังคงจัดกันอย่างครบถ้วน
http://issuu.com/fonkotchakorn/docs/e-book (คลิ๊กเพื่อชม E-book)
http://issuu.com/fonkotchakorn/docs/e-book (คลิ๊กเพื่อชม E-book)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น