วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559

ประวัติตำบลแวงน่าง

           




           ชุมชนแวงน่าง  ประกอบด้วย  บ้านหนองแวง  หมู่ที่ 1  บ้านหนองแวงหมู่ที่  8   และบ้านหนองเจริญ       หมู่ที่ 11  ตำบลแวงน่าง  อำเภอเมือง  จังหวัดมหาสารคาม  เป็นหนึ่งในจำนวน  17  หมู่บ้านภายในตำบลแวงน่าง  บ้านหนองแวงตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.ใดไม่มีใครทราบแน่ชัด  แต่มีเรื่องการก่อตั้งเมืองมหาสารคามที่ปรากฏอยู่  จากหนังสือพงศาวดารภาค  4  ฉบับหอสมุดแห่งชาติกรุงเทพมหานคร  โดยนายบุญช่วย  อัตถากร  อดีตนายกเทศมนตรีเมืองมหาสารคามเป็นผู้คัดลอกมามีข้อความตอนหนึ่งว่า  “นายโล่มีชาติกำเนิดมาจากเวียงจันทร์ ประเทศลาวได้อพยพถิ่นฐานมากับจารแก้วมงคล   เพื่อมาหาที่ทำเลตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เมืองศรีภูมิ  (อำเภอเสลภูมิจังหวัดร้อยเอ็ดในปัจจุบัน)  ซึ่งนายโล่ได้รับราชกาลอยู่กับเจ้าเมือง  เมืองร้อยเอ็ดเป็นเวลาหลายปี”  ต่อมา  นายโล่ได้พาพี่น้องอพยพไปทำเลใหม่ที่มีความสมบูรณ์กว่าเดิมเนื่องจากความพยายามในการก่อตั้งชุมชนมาหลายๆครั้งแต่เป็นลักษณะการย้ายมาอยู่ตามหัวไร่ปลายนามีการย้ายเข้าออกอย่างต่อเนื่อง  จนได้มาพบหนองน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์  มีป่าแวงหนาทึบ  จึงชวนกันออกมาล่าสัตว์บริเวณรอบหนองปรากฏเห็นรอยสัตว์หลายชนิดเช่น   กวาง  ฟาน  อีเก้ง  หมูป่า  เป็นต้น  สมัยก่อนพื้นที่ดังกล่าวเป็นดงช้างดงเสือ  มีสัตว์นานาชนิด  มากินน้ำบริเวณหนองแวงนี้อยู่ตลอดเวลา  นายพรานช่วยกันทำเครื่องมือสำหรับดักสัตว์โดยเอา  ปอ  ป่าน  และเทือง  มาทำเป็นเส้นเชือกยาว  เรียกว่าน่าง  แผ้วถางป่าที่เพื่อทำการเกษตรให้เหมาะแก่การเพาะปลูก  การทำมาหากินของชาวบ้านในระยะแรกของการย้ายเข้ามา  เพื่อใกล้บ้านเรือนจะติดกับหัวไร่ปลายนาของตนเอง  วิถีการดำรงชีพของชาวบ้านในชุมชนมีการพึ่งพิงและใช้ประโยชน์จากป่าเพื่อยังชีพ เนื่องจากชุมชนอยู่ติดกับพื้นที่ป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์  มีหนองน้ำใหญ่ถัดจากหนองแวงชื่อว่า  ดงหมาหิว  (ปัจจุบันเป็นสถานีบำรุงพันธุ์สัตว์)  มีระบบการเพาะปลูกได้แก่  ทำนา  ปลูกปอ  ปลูกมัน  ปลูกฝ้าย  และมันสำปะหลัง  ครั้นต่อมาชาวบ้านพรานแห  เขตธวัชดินแดง  อำเภอธวัชบุรี  จังหวดร้อยเอ็ด  มาขออยู่ด้วย  แต่พวกชาวบ้านหม่วยเมืองบัวไม่ให้อยู่ทับที่เดียวกัน  จึ่งต้องไปอยู่ทิศตะวันตกเรียกว่า  คุ้มบะม่อง  ต่อมาชาวบ้านจารทุ่งที่มาจากโคราช  ได้มาอยู่คุ้มวัดนาควิชัย  จึงพร้อมกันมาอยู่บ้านหนองแวงเพื่อปั้นหม้อเป็นอาชีพ  เพราะเห็นว่าดินหนองแวงเป็นดินเหนียวใช้ได้ทนทานขายได้ราคาดีเพราะมีคุณภาพ  จึงย้ายออกมาหลายครอบครัว  จากสายตระกูล  ได้แก่  สายตระกูลโยธะคง  ,ตะภา  ,สีจั๊ด แยกออกเป็นคุ้มชื่อว่าคุ้มทุ่งสว่างหรือคุ้มไทเบิ้ง  ต่อมาชาวบ้านปอกห้วยหนองหวายจากลุ่มแม่น้ำเป  จังหวัดหนองคาย  ได้อพยพจากน้ำท่วมมาหาที่อยู่ทางโคก  จึงมาเห็นชาวบ้านหม่วยเมืองบัวอยู่ที่ทับหนองแวงจึงขออาศัยอยู่ด้วย  มีพระภิกษุอยู่รูปหนึ่งมากับโยมพ่อโยมแม่  ชื่อของท่านคือนายโล่  ฉายา  โกวิโท  ซึ่งเคยเรียนบาลีมูลกัจจาย  ณ  สำนักเรียนพระหลักคำจันทร์  จังหวัดอุบลราชธานี  ต่อมาได้มีการการตั้งวัดใต้แวงน่าง  หลวงปู่โล่ได้อุปสมบทให้แก่พระภิกษุรอบเมือง  ตั้งสำนักเรียนวัดใต้แวงน่าง  เหตุที่เรียกว่าวัดใต้เพราะน้ำไหลมาทางทิศใต้  ครั้นต่อมาชาวบ้านคุ้มจารทุ่ง       เป็นชาวไทเบิ้ง  (ไทโคราช)  เห็นว่า  กินทานหรือทำบุญไม่ตรงกับลาว  เช่น  บุญข้าวสาก  คนลาวอีสานถือเอาวันเพ็ญเดือน  10  ชาวไทเบิ้ง (ไทโคราช)  ถือเอาเดือน  10ดับ  คือแรม 15  ค่ำเดือน  10  ขอตั้งวัดไทชื่อวัดทุ่งสว่าง  (ปัจจุบันเป็นสถานที่ตั้ง  รพ.สต.แวงน่าง)  ต่อมาชาวบ้านพรานแห่ซึ่งได้ตั้งบ้านเรือนอยู่  คุ้มบะม่องทางทิศตะวันตกอ้างเหตุผลว่าเดินทางมาทำบุญตักบาตรไม่ไหว  จึงขอนิมนต์หลวงปู่โล่  ตั้งวัดให้อีกชื่อวัดน้อย (ปัจจุบันคือวัดเหนือแวงน่าง)  หลวงปู่โล่  โกวิโท  เป็นพระเถระผู้ใหญ่เชี่ยวชาญทางวินัยปิฎก  พระสูตรรัตนตะปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ซึ่งชาวบ้านให้ความเคารพและเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจนำมาซึ่งความสงบสุขในการอยู่ร่วมกันของชุมชน   รูปแบบการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนจะรวมกันเป็นกลุ่มปลูกบ้านเรือนเป็นแนวถนนแนวรอบหนองแวง  ชุมชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม  ตามบรรพบุรุษ  ปลูกผักผลไม้ตามหัวไร่ปลายนาเพื่อการบริโภคในครัวเรือน  แจกจ่ายญาติพี่น้อง  มีการเก็บหาของป่าและสัตว์น้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติ
          พ.ศ.
2404  เจ้าเมืองร้อยเอ็ด  ( อุปฮาดสิงห์ )  ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงที่กำลังขยายหัวเมือง       ( รอบเมืองขึ้น )  จึงได้มองหาคนที่มีความรู้ความสามารถเพื่อสร้างบ้านแปลงเมืองขึ้นใหม่  อุปฮาดได้มองเห็นว่าคนที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะกับภารกิจนี้คือ ท้าวกวด  (ท้าวมหาชัย  ภวภูตานนท์)  แต่ขณะนั้นท้าวกวดยังรับราชกาลอยู่ในเมืองหลวง  ( กรุงเทพมหานคร )  จึงได้เรียกท้าวกวดให้กลับขึ้นมารับภารกิจนี้ พร้อมกับนำราษฎรจำนวน  2,000  คน ไปสร้างเมืองใหม่  ณ  กุดนางใย  หรือบ้านนางใย  ตำบลตลาด  อำเภอมหาสารคาม และตั้งท้าวกวดเป็นเจ้าเมือง แล้วได้รับพระราชทานนามว่า “พระเจริญราชเดช” 
          พ.ศ.  
2408  พระเจริญราชเดช  เจ้าเมืองมหาสารคามในขณะนั้นได้สร้างวัดขึ้นวัดหนึ่งอยู่กลางเมืองมหาสารคาม เพื่อเป็นวัดอารามหลวงประจำเมือง แต่วัดยังไม่มีอุโบสถ  ทางคณะกรรมการเมืองจึงพากันไปนิมนต์หลวงปู่โล่  โกวิโท  จากวัดใต้แวงน่างไปเป็นประธานสร้างอุโบสถวัดมหาชัย  (หลังเตี้ย)  ซึ่งมีผู้จารึกไว้เป็นอักษรขอมใจความว่า  “ยาคูเฒ่าบ้านหนองแวงคำน่างพามาสร้าง”  และเจ้าเมืองมหาสารคามในขณะนั้นได้ตั้งฉายาให้ว่า  “พระครูสุวรรณดี ศรีศิลสังวโล”  ตำแหน่งหลักคำ และได้ตำแหน่งอุปจฌาย์ ในท้ายที่สุดหลวงปูโล่  ได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดใต้แวงน่างจนถึงมรณภาพ ข้อสันนิษฐาน  บ้านหนองแวง  ก่อตั้งก่อนการสร้างวัดมหาชัย  และหลังจากการสร้างเมืองมหาสารคามซึ่งมีอายุเกินกว่า  200  ปี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น