ชุมชนแวงน่าง ประกอบด้วย บ้านหนองแวง หมู่ที่ 1 บ้านหนองแวงหมู่ที่ 8 และบ้านหนองเจริญ หมู่ที่ 11 ตำบลแวงน่าง อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม เป็นหนึ่งในจำนวน 17 หมู่บ้านภายในตำบลแวงน่าง บ้านหนองแวงตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.ใดไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่มีเรื่องการก่อตั้งเมืองมหาสารคามที่ปรากฏอยู่ จากหนังสือพงศาวดารภาค 4 ฉบับหอสมุดแห่งชาติกรุงเทพมหานคร โดยนายบุญช่วย อัตถากร อดีตนายกเทศมนตรีเมืองมหาสารคามเป็นผู้คัดลอกมามีข้อความตอนหนึ่งว่า “นายโล่มีชาติกำเนิดมาจากเวียงจันทร์ ประเทศลาวได้อพยพถิ่นฐานมากับจารแก้วมงคล เพื่อมาหาที่ทำเลตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เมืองศรีภูมิ (อำเภอเสลภูมิจังหวัดร้อยเอ็ดในปัจจุบัน) ซึ่งนายโล่ได้รับราชกาลอยู่กับเจ้าเมือง เมืองร้อยเอ็ดเป็นเวลาหลายปี” ต่อมา นายโล่ได้พาพี่น้องอพยพไปทำเลใหม่ที่มีความสมบูรณ์กว่าเดิมเนื่องจากความพยายามในการก่อตั้งชุมชนมาหลายๆครั้งแต่เป็นลักษณะการย้ายมาอยู่ตามหัวไร่ปลายนามีการย้ายเข้าออกอย่างต่อเนื่อง จนได้มาพบหนองน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีป่าแวงหนาทึบ จึงชวนกันออกมาล่าสัตว์บริเวณรอบหนองปรากฏเห็นรอยสัตว์หลายชนิดเช่น กวาง ฟาน อีเก้ง หมูป่า เป็นต้น สมัยก่อนพื้นที่ดังกล่าวเป็นดงช้างดงเสือ มีสัตว์นานาชนิด มากินน้ำบริเวณหนองแวงนี้อยู่ตลอดเวลา นายพรานช่วยกันทำเครื่องมือสำหรับดักสัตว์โดยเอา ปอ ป่าน และเทือง มาทำเป็นเส้นเชือกยาว เรียกว่าน่าง แผ้วถางป่าที่เพื่อทำการเกษตรให้เหมาะแก่การเพาะปลูก การทำมาหากินของชาวบ้านในระยะแรกของการย้ายเข้ามา เพื่อใกล้บ้านเรือนจะติดกับหัวไร่ปลายนาของตนเอง วิถีการดำรงชีพของชาวบ้านในชุมชนมีการพึ่งพิงและใช้ประโยชน์จากป่าเพื่อยังชีพ เนื่องจากชุมชนอยู่ติดกับพื้นที่ป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีหนองน้ำใหญ่ถัดจากหนองแวงชื่อว่า ดงหมาหิว (ปัจจุบันเป็นสถานีบำรุงพันธุ์สัตว์) มีระบบการเพาะปลูกได้แก่ ทำนา ปลูกปอ ปลูกมัน ปลูกฝ้าย และมันสำปะหลัง ครั้นต่อมาชาวบ้านพรานแห เขตธวัชดินแดง อำเภอธวัชบุรี จังหวดร้อยเอ็ด มาขออยู่ด้วย แต่พวกชาวบ้านหม่วยเมืองบัวไม่ให้อยู่ทับที่เดียวกัน จึ่งต้องไปอยู่ทิศตะวันตกเรียกว่า คุ้มบะม่อง ต่อมาชาวบ้านจารทุ่งที่มาจากโคราช ได้มาอยู่คุ้มวัดนาควิชัย จึงพร้อมกันมาอยู่บ้านหนองแวงเพื่อปั้นหม้อเป็นอาชีพ เพราะเห็นว่าดินหนองแวงเป็นดินเหนียวใช้ได้ทนทานขายได้ราคาดีเพราะมีคุณภาพ จึงย้ายออกมาหลายครอบครัว จากสายตระกูล ได้แก่ สายตระกูลโยธะคง ,ตะภา ,สีจั๊ด แยกออกเป็นคุ้มชื่อว่าคุ้มทุ่งสว่างหรือคุ้มไทเบิ้ง ต่อมาชาวบ้านปอกห้วยหนองหวายจากลุ่มแม่น้ำเป จังหวัดหนองคาย ได้อพยพจากน้ำท่วมมาหาที่อยู่ทางโคก จึงมาเห็นชาวบ้านหม่วยเมืองบัวอยู่ที่ทับหนองแวงจึงขออาศัยอยู่ด้วย มีพระภิกษุอยู่รูปหนึ่งมากับโยมพ่อโยมแม่ ชื่อของท่านคือนายโล่ ฉายา โกวิโท ซึ่งเคยเรียนบาลีมูลกัจจาย ณ สำนักเรียนพระหลักคำจันทร์ จังหวัดอุบลราชธานี ต่อมาได้มีการการตั้งวัดใต้แวงน่าง หลวงปู่โล่ได้อุปสมบทให้แก่พระภิกษุรอบเมือง ตั้งสำนักเรียนวัดใต้แวงน่าง เหตุที่เรียกว่าวัดใต้เพราะน้ำไหลมาทางทิศใต้ ครั้นต่อมาชาวบ้านคุ้มจารทุ่ง เป็นชาวไทเบิ้ง (ไทโคราช) เห็นว่า กินทานหรือทำบุญไม่ตรงกับลาว เช่น บุญข้าวสาก คนลาวอีสานถือเอาวันเพ็ญเดือน 10 ชาวไทเบิ้ง (ไทโคราช) ถือเอาเดือน 10ดับ คือแรม 15 ค่ำเดือน 10 ขอตั้งวัดไทชื่อวัดทุ่งสว่าง (ปัจจุบันเป็นสถานที่ตั้ง รพ.สต.แวงน่าง) ต่อมาชาวบ้านพรานแห่ซึ่งได้ตั้งบ้านเรือนอยู่ คุ้มบะม่องทางทิศตะวันตกอ้างเหตุผลว่าเดินทางมาทำบุญตักบาตรไม่ไหว จึงขอนิมนต์หลวงปู่โล่ ตั้งวัดให้อีกชื่อวัดน้อย (ปัจจุบันคือวัดเหนือแวงน่าง) หลวงปู่โล่ โกวิโท เป็นพระเถระผู้ใหญ่เชี่ยวชาญทางวินัยปิฎก พระสูตรรัตนตะปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ซึ่งชาวบ้านให้ความเคารพและเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจนำมาซึ่งความสงบสุขในการอยู่ร่วมกันของชุมชน รูปแบบการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนจะรวมกันเป็นกลุ่มปลูกบ้านเรือนเป็นแนวถนนแนวรอบหนองแวง ชุมชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ตามบรรพบุรุษ ปลูกผักผลไม้ตามหัวไร่ปลายนาเพื่อการบริโภคในครัวเรือน แจกจ่ายญาติพี่น้อง มีการเก็บหาของป่าและสัตว์น้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติ
พ.ศ.2404 เจ้าเมืองร้อยเอ็ด ( อุปฮาดสิงห์ ) ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงที่กำลังขยายหัวเมือง ( รอบเมืองขึ้น ) จึงได้มองหาคนที่มีความรู้ความสามารถเพื่อสร้างบ้านแปลงเมืองขึ้นใหม่ อุปฮาดได้มองเห็นว่าคนที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะกับภารกิจนี้คือ ท้าวกวด (ท้าวมหาชัย ภวภูตานนท์) แต่ขณะนั้นท้าวกวดยังรับราชกาลอยู่ในเมืองหลวง ( กรุงเทพมหานคร ) จึงได้เรียกท้าวกวดให้กลับขึ้นมารับภารกิจนี้ พร้อมกับนำราษฎรจำนวน 2,000 คน ไปสร้างเมืองใหม่ ณ กุดนางใย หรือบ้านนางใย ตำบลตลาด อำเภอมหาสารคาม และตั้งท้าวกวดเป็นเจ้าเมือง แล้วได้รับพระราชทานนามว่า “พระเจริญราชเดช”
พ.ศ. 2408 พระเจริญราชเดช เจ้าเมืองมหาสารคามในขณะนั้นได้สร้างวัดขึ้นวัดหนึ่งอยู่กลางเมืองมหาสารคาม เพื่อเป็นวัดอารามหลวงประจำเมือง แต่วัดยังไม่มีอุโบสถ ทางคณะกรรมการเมืองจึงพากันไปนิมนต์หลวงปู่โล่ โกวิโท จากวัดใต้แวงน่างไปเป็นประธานสร้างอุโบสถวัดมหาชัย (หลังเตี้ย) ซึ่งมีผู้จารึกไว้เป็นอักษรขอมใจความว่า “ยาคูเฒ่าบ้านหนองแวงคำน่างพามาสร้าง” และเจ้าเมืองมหาสารคามในขณะนั้นได้ตั้งฉายาให้ว่า “พระครูสุวรรณดี ศรีศิลสังวโล” ตำแหน่งหลักคำ และได้ตำแหน่งอุปจฌาย์ ในท้ายที่สุดหลวงปูโล่ ได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดใต้แวงน่างจนถึงมรณภาพ ข้อสันนิษฐาน บ้านหนองแวง ก่อตั้งก่อนการสร้างวัดมหาชัย และหลังจากการสร้างเมืองมหาสารคามซึ่งมีอายุเกินกว่า 200 ปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น