วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559

ลักษณะทางสังคม




ลักษณะทางด้านสังคม
ชาวบ้านชุมชนแวงน่างส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม  พืชเศรษฐกิจที่สำคัญของชุมชนคือ  ข้าว  ผัก  และผักพื้นบ้าน  ไม้ผล  รวมถึงการเพาะเห็ดชนิดต่างๆ  ความเป็นอยู่ที่มีความร่วมมือช่วยเหลือกันในการทำนา  เช่น  การลงแขกทำนา  ไถนา  ดำนา  และเกี่ยวข้าวในรูปแบบกระบวนการทางสังคมที่เป็นเรื่องของแนวคิดการรวมกลุ่มที่เน้นการรวมคนมากกว่าการรวมเงินเน้นความสามัคคีของสมาชิกในชุมชนแวงน่าง  ซึ่งระบบคิดนี้มีผลต่อขั้นตอนการปฏิบัติทำให้เกิดกลุ่มอาชีพต่างๆ  เกิดความร่วมมือในการทำกิจกรรมของสมาชิก  เกิดความสามารถในการแก้ไขปัญหาภายในกลุ่มและพัฒนาเป็นเครือข่ายทางสังคมที่ประกอบอาชีพเดียวกัน  มีประเพณีวัฒนธรรมเดียวกัน  ในส่วนที่เป็นวิถีชีวิตชุมชนมีความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกัน  คือ  ให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้  ส่งเสริมให้มีการต่อรอง  การประนีประนอมตามขนบนโยบายท้องถิ่นตามแผนพัฒนาของเทศบาลตำบลแวงน่างและองค์การบริหารตำบลแวงน่างที่ควบคุมความเชื่อของชาวบ้านในกลุ่มที่หลากหลายของชาวบ้านและองค์กรมากขึ้น  ถึงแม้ความสัมพันธ์ของชุมชนจะเป็นไปอย่างไม่เป็นทางการแต่ก็ยังมีความเอื้ออาทรต่อกัน  มีความไว้วางใจกัน  มีการช่วยเหลือมุ่งประโยชน์ร่วมกัน   จะเห็นได้ว่าจะต้องมีกลุ่มหรือองค์กรที่ต้องทำประโยชน์เพื่อสังคมส่วนนี้จะสะท้อนให้เห็นว่าสังคมชนบทที่มีการประกอบอาชีพการเกษตรสอดคล้องเกี่ยวข้องกับประเพณีจะต้องคำนึงถึงความแตกต่างและความหลากหลายของชาวบ้านในชุมชน  ลดความขัดแย้งให้น้อยลงมีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันถึงแม้ว่าการดำรงชีวิตปัจจุบันจะถูกรุมเร้าด้วยภาวะทางเศรษฐกิจจากสังคมภายนอก ชุมชนก็ยังอยู่รวมกลุ่มกันเป็นเครือญาติถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน  เช่น  การลงแขกทำนา  การแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตร  หรืออาหารที่เก็บได้จากป่ามาแบ่งปันกันกิน  เช่น  กบ  เขียด  ผักพื้นบ้านต่างๆระหว่างครัวเรือน
แวงน่างมีลักษณะการปกครอง  2  เขตได้แก่  เทศบาลตำบลแวงน่าง  และองค์การบริหารส่วนตำบลแวงน่าง  ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือผู้นำค่อนข้างมากแทบจะไม่มีการแทรกแซงจากภายนอก  ดังนั้นการคัดเลือกผู้นำชุมชนจึงมาจากสมาชิกเอง                        
มีลักษณะแบบเครือญาติ  มีการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน  สมาชิกสภาเทศบาล  สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล  และมีกลุ่มคนที่มีบทบาทต่อชุมชน  ได้แก่  คณะกรรมการหมู่บ้าน  ประธานกลุ่มอาชีพ      ภูมิปัญญาชาวบ้าน  อาสาสมัครสาธารณะสุขประจำหมู่บ้าน  การจัดการความขัดแย้งโดยชุมชน  เนื่องจากมีลักษณะการดำรงชีพแบบชนบทชุมชนจะยึดหลัก  ฮีต12 คอง14 มาเป็นระยะเวลานานเมื่อมีเหตุภัยหรือทะเลาะวิวาทภายในชุมชนมีวิธีการไกล่เกลี่ยโดยใช้ผู้ใหญ่  ผู้อาวุโส  หรือผู้นำทางความเชื่อมาช่วยเจรจาและหาข้อตกลงในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน  จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในชุมชนองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบในท้องถิ่น  ด้านสาธารณูปโภค  การศึกษา  สิ่งแวดล้อม  และสวัสดิการสังคม  เพื่อให้ประชาชนในชุมชนแวงน่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี  มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 

วัฒนธรรมประเพณี




วัฒนธรรมประเพณี
          ในอดีตชุมชนแวงน่าง  เป็นสังคมที่มีความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัวในชุมชน  ชาวบ้านมีวิถีการทำนาที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษเป็นชุมชนที่นับถือศาสนาพุทธ  ปฏิบัติตามฮีตคองประเพณีตามหลักศาสนามีกิจกรรมงานบุญที่ทำร่วมกับวัดมาก  สิ่งที่เชื่อมร้อยความสัมพันธ์ของคนให้ทำงานร่วมกัน  ดูแลช่วยเหลือกันจนเกิดประเพณีที่ดีงามที่ชาวอีสานเรียกว่า อีต12  หมายถึง  เดือนทั้ง  12  เดือน  ในหนึ่งปีสิ่งที่ชาวอีสานได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาในโอกาสต่างๆเป็นประเพณีที่ส่งเสริมให้คนในชุมชน  เป็นกิจกรรมที่ทำให้คนในชุมชนได้ออกมาพบเจอพบประสังสรรค์  เพื่อความรื่นเริง  มีความสามัคคีเกิดความรักใคร่กันของคนในชุมชนแวงน่าง  สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน  ประเพณีสำคัญ  12  เดือน  ของชาวอีสานโบราณนั้นประกอบด้วย
เดือนอ้าย  (ธันวาคมหรือเดือนเจียง งานบุญเข้ากรรม มีงานบุญดอกผ้า (นำผ้าห่มหนาวไปถวายสงฆ์) ประเพณีเส็งกลอง ทำลานตี(ลานนวดข้าว)ทำปลาแดก (ทำปลาร้าไว้เป็นอาหาร) เกี่ยวข้าวในนา เล่นว่าว ชักว่าวสนู นิมนต์พระสงฆ์เข้าประวาสกรรมตามประเพณีนั้นมีการทำบุญทางศาสนา เพื่ออนิสงฆ์ทดแทนบุญคุณต่อบรรพบุรุษ ชาวบ้านเลี้ยงผีแถน ผีบรรพบุรุษ มีการตระเตรียมเก็บสะสมข้าวปลาอาหารไว้กินในยามแล้ง
เดือนยี่  (มกราคมงานบุญคูนลาน ทำบุญที่วัด งานนมัสการหลวงปู่โล่  พระสงฆ์เทศน์เรื่องแม่โพสพ ทำพิธีปลงข้าวในลอมและฟาดข้าวในลาน ขนข้าวเหลือกขึ้นเล้า (ยุ้งฉาง) นับเป็นความเชื่อในการบำรุงขวัญและสิริมงคลทางเกษตรกรรม มีทั้งทำบุญที่วัดและบางครั้งทกบุญที่ลานนวดข้าว เมื่อขนข้าวใส่ยุ้งแล้วมักไปทำบุญที่วัด 
เดือนสาม  (กุมภาพันธ์)  บุญข้าวจี่ มีพิธีเลี้ยงลาตาแฮก(พระภูมินา) เพราะขนข้าวขึ้นยุ้งแล้ว งานเอิ้นขวัญข้าวหรือกู่ขวัญข้าว เพ็ญเดือนสามทำบุญข้าวจี่ตอนเย็นทำมาฆบูชา ลงเข็นฝ้ายหาหลัวฟืน  (ไม้เชื้อเพลิงลำไม้ไผ่ตายหลัว กิ่งไม้แห้ง(ฟืน)  ตามประเพณีหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวใส่ยุ้งแล้ว มีการทำบุญเซ่นสรวงบูชาเจ้าที่นา ซึ่งชาวอีสานเรียกว่าตาแฮก และทำบุญแผ่ส่วนกุศลให้ผีปู่ย่าตายาย อันเป็นการแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ โดยการทำข้าวจี่  (ข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนสอดไส้น้ำตาลหรือน้ำอ้อยชุบไข่ปิ้งจนเหลืองนำไปถวายพระพร้อมอาหารคาวหวานอื่นๆ 
เดือนสี่  (มีนาคมบุญพระเวส(อ่านออกเสียงพระ-เหวด) มีงานบุญพระเวส(ฟังเทศน์มหาชาติ) แห่พระอุปคุตตั้งศาลเพียงตา ทำบุญแจกข้าวอุทิศให้ผู้ตาย (บุญเปตพลี) ประเพณีเทศน์มหาชาติเหมือนกับประเพณีภาคอื่นๆ ด้วย เป็นงานบุญทางพุทธศาสนาที่ถือปฏิบัติทำบุญถวายภัตตาหารแล้วตอนบ่ายฟังเทศน์ เรื่องเวสสันดรชาดก ตามประเพณีวัดติดต่อกัน 2-3 วันแล้วแต่กำหนดในช่วงที่จัดงานมีการแห่พระอุปคุตเพื่อขอให้บันดาลให้ฝนตกด้วย 

เดือนห้า  (เมษายนบุญสรงน้ำ หรือเทศกาลสงกรานต์ ชาวอีสานเรียกกันว่า สังขานต์ ตามประเพณีจัดงานสงกรานต์นั้น บางแห่งจัดกัน 3 วัน บางแห่ง 7 วัน แล้วแต่กำหนดมีการทำบุญถวายภัตตาหารคาวหวาน หรือถวายจังหันเช้า-เพลตลอดเทศกาล ตอนบ่ายมีสรงน้ำพระ รดน้ำผู้ใหญ่ผู้เฒ่าก่อเจดีย์ทราย

เดือนหก  (พฤษภาคมบุญบั้งไฟ บางแห่งเรียก บุญวิสาขบูชา มีงานบุญบั้งไฟ (บุญขอฝน) บุญ
วิสาขบูชา วันเพ็ญเดือนหกเกือบตลอดเดือนหกนี้ ชาวอีสานจัดงานบุญบั้งไฟ จัดวันใดแล้วแต่คณะกรรมการหมู่บ้านกำหนดถือเป็นการทำบุญบูชาแถน  (เทวดาเพื่อขอให้ฝนตกต้องตามฤดูกาลและความอุดมสมบูรณ์ของข้าวปลาอาหารในปีต่อไปครั้นวันเพ็ญหก  เป็นงานบุญวิสาขบูชาประเพณีสำคัญทางพุทธศาสนา มีการทำบุญฟังเทศน์และเวียนเทียนเพื่อผลแห่งอานิสงส์ในภพหน้า

เดือนเจ็ด  (มิถุนายน)  บุญชำฮะ  มีพิธีเลี้ยงตาแฮก  ปู่ตา  หลักเมือง  งานบุญเบิกบ้านเบิกเมือง  งานเข้านาคเพื่อบวชนาค  คติความเชื่อหลังจากหว่านข้าวกล้าดำนาเสร็จ  มีการทำพิธีเซ่นสรวงเจ้าที่นา เพื่อความเป็นสิริมงคลให้ข้าวกล้าในนางงอกงาม ต้องเตรียมเครื่องบวงสรวง ได้แก่ ทำกรวยกระทง  บรรจุคำพลู  คำหมาก  กล้วย  เผือก  มัน  ไก่  เหล้าขาว  บ้านที่กุลบุตรมีงานอุปสบทดแทนบุญคุณบิดามารดาและเตรียมเข้ากรรมในพรรษาขัดตาแหลวปักให้ทั่วนาทั้ ง ทิศเพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายไม่ดีออกจากนาหรือครอบครัว
เดือนแปด  (กรกฎาคมงานบุญเข้าพรรษามีพิธีหล่อเทียนพรรษางานบุญเทศกาลเข้าพรรษา  แต่ละหมู่บ้านช่วยกันหล่อเทียนพรรษา  ประดับให้สวยงาม  จัดขบวนแห่เพื่อนนำไปถวายเป็นพุทธบูชา  มีการทำบุญถวายภัตตหาร เครื่องไทยทานและผ้าอาบน้ำฝน เพื่อพระสงฆ์จะได้นำไปใช้ตลอดเทศกาลเข้าพรรษา
เดือนเก้า  (สิงหาคมบุญข้าวประดับดิน  จัดงานวันแรม  14  ค่ำ  เดือน  นับแต่เช้ามืด ชาวบ้านจัดอาหารคาวหวาน หมากพลูบุหรี่ใส่กระทงเล็กๆ  นำไปวางไว้ตามลานบ้าน ใต้ต้นไม้  ข้างพระอุโบสถ  เพื่อเป็นการให้ทานแก่เปรตหรือวิญญาณที่ตกทุกข์ได้ยากตอนสายมีการทำบุญที่วัด ฟังเทศน์เป็นอานิสงส์ทำนายคางไก่ที่ต้มสุกแล้ว  ถ้าคางไก่ย่น  ทำนายว่า  ฝนไม่ดี  ถ้าคางไก่เรียบโค้งสวยงาม  ทำนายว่า  ฝนดี  ข้าวปลานาน้ำอุดมสมบูรณ์ 
เดือนสิบ  (กันยายนบุญข้าวสาก  ข้าวสาก  หมายถึง  การกวนกระยาสารท คล้ายงานบุญสลากภัตในภาคกลาง  จัดงานวันเพ็ญเดือน  10  นำสำรับคาวหวานพร้อมกับข้าวสาก  (กระยาสารท) ไปทำบุญที่วัดถวายผ้าอาบน้ำฝนและเครื่องไทยทาน  แต่ก่อนที่จะถวายนั้นจะทำสลากติดไว้ พระสงฆ์องค์ใดจับสลากใดได้ก็รับถวายจากเจ้าของสำรับนั้น ตอนบ่ายฟังเทศน์เป็นอานิสงส์
เดือนสิบเอ็ด  (ตุลาคม)  บุญออกพรรษา มีพิธีถวายผ้าห่มหนาวในวันเพ็ญ มีงานบุญตักบาตรเทโว  พิธีกวนข้าวทิพย์  พิธีลอยเรือไฟนับเป็นช่วงที่จัดงานใหญ่กันเกือบตลอดเดือน  นับแต่วันเพ็ญ มีการถวายผ้าห่มหนาวแต่พระพุทธพระสงฆ์  วันแรม  ค่ำ  งานบุญตักบาตรเทโว ตอนเย็นวันขึ้น   14  ค่ำ  มีพิธีกวนข้าวทิพย์ มีงานช่วงเฮือ  (แข่งเรือในวันเพ็ญมีงานแห่ปราสาทผึ้ง  พิธีลอย  เฮือไฟ (ไหลเรือไฟ)  เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา มีทั้งงานบุญกุศลและสนุกสนานรื่นเริง 

เดือนสิบสอง  (พฤศจิกายนบุญกฐิน  ทำบุญข้าวเม่าพิธีถวายกฐินเมื่อถึงวันเพ็ญจัดทำข้าวเม่า(ข้าวใหม่)นำไปถวายพระ  พร้อมสำรับคาวหวานขึ้นตอนบ่ายฟ้งเทศน์เป็นอานิสงส์จัด         พิธีทอดกฐินตามวัดที่จองกฐินไว้  งานบุญในฮีตสิบสองนั้น  ตามหมู่ที่เคร่งประเพณียังคงจัดกันอย่างครบถ้วน




http://issuu.com/fonkotchakorn/docs/e-book (คลิ๊กเพื่อชม E-book)


ระบบสาธารณสุข

ระบบสาธารณสุข
ชุมชนแวงน่างมีการให้บริการด้านสาธารณะสุข  แห่ง  คือ  โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแวงน่าง  (รพ.สต.)  อำเภอเมือง  จังหวัดมหาสารคาม  ตั้งอยู่ที่บ้านหนองแวงหมู่ที่  บริการส่งเสริมสุขภาพ  ด้าน  คือ 
1.จัดบริการส่งเสริมสุขภาพให้แก่ประชาชน
2.ดำเนินงานป้องกันโรคแก่ประชาชน
3.ดำเนินงานรักษาพยาบาลและส่งผู้ป่วยตามบริการปฐมภูมิ
4.ดำเนินงานติดตามดูแลฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโดยเชื่อมโยงกับโรงพยาบาลมหาสารคาม
5.ดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านอาหารและยาแก่ประชาชน
การบริการ  ด้านของ  รพ.สต.แวงน่าง  ชาวบ้านในชุมชนแวงน่างยังขาดความเข้าใจในการดูแลสุขภาพของ  ฉะนั้นเจ้าหน้าที่ของ  รต.สต.แวงน่างจึงต้องออกไปส่งเสริมฟื้นฟูดูแลสุขภาพชาวบ้านในชุมชนแวงน่างอย่างทั่วถึง  กิจกรรมที่เป็นลักษณะเด่นในด้านงานบริกานสุขภาพให้แก่ประชาชน  ได้แก่  การดูแลแม่และเด็กหลังคลอด  การอบรม  การดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง  (ผู้สูงอายุ)ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้การให้  การให้บริการ  นวด  และอบรมการทำสมุนไพรเพื่อใช้ในบ้านและส่งเสริมให้  กลุ่มอาสาสมัครสาธารณะสุขชุมชนและประชาชนในชุมชน  ปลูกผัก  สมุนไพร  ปลูกหน้าบ้านหรือหลังบ้านเพื่อใช้ประโยชน์ในครัวเรือนและเจาะเลือดวัดสารเคมีให้แก่ผู้ปลูกผัก  และกิจกรรมนำเนื้อสัตว์ผักพื้นบ้านไปตรวจสารเคมี  ปีละ  ครั่ง  เพื่อจะวิเคราะห์  แสวงหาวิธีเพื่อจะดูและรักษาและฟื้นฟูสุขภาพให้แก่ชาวบ้านให้ควบคุมถึงทุกครัวเรือน

ระบบสาธารณูปโภค



ระบบสาธารณูปโภค


ถนน
     ในอดีตเส้นทางการคมนาคมในหมู่บ้านยังไม่สะดวกสบายเท่าที่ควรเนื่องจากเส้นทางในหมู่บ้านยังเป็นถนนลุกลังค่อนข้างแคบ  เป็นปัญหาต่อการขยายพื้นที่ทำถนนทั้งในอดีตและอนาคต  ก่อให้เกิดความไม่คล่องตัวในการติดต่อสื่อสารและการเข้าถึงบริการหน่วยงานจากภายนอก  แม้ปัจจุบันจะถูกพัฒนาเป็นถนนคอนกรีต  (โครงการก่อสร้างขยายลูกลัง)  แต่ก็ยังไม่สามารถขยายถนนให้กว้างขึ้นได้  เส้นทางที่สำคัญของชุมชนคือ  เส้นทางหลัก ได้แก่   ทางหลวงหมายเลข 2040  มหาสารคาม  -   วาปีปทุม  จากบ้านนางใย  ตำบลตลาด  ถึงบ้านหนองแวงหมู่ที่  ระยะทาง  กิโลเมตร
                เส้นทางเข้าสู่หมู่บ้าน   ได้แก่  บ้านหนองเจริญหมู่ที่
 11  ประกอบด้วย  เส้นทางหลัก   ได้แก่  ซอยดวงดาว  ซอยตามา  ซอยเจริญชัยศรี  ซอยนาคูณ  ซอยโอราฟ  ซอยสมศรีอุทิศ  หนองแวงหมู่ที่  ประกอบด้วย  เส้นทางหลัก  ได้แก่  ซอยบะม่อง  ซอยดอกแก้ว  ซอยหนองสะแบง  ซอยชุมชนซอยชุมชนแคนเจริญ  ซอยหนองนก   หนองแวงหมู่ที่  ประกอบด้วย  เส้นทาง  ได้แก่  ถนนทุ่งสว่าง  ถนนหนองแวงศึกษา   ถนนวัดใต้แวงน่าง  ถนนซอยหนองนก  ซอยสุขาภิบาล  6  ในช่วงฤดูฝนการสัญจรเป็นไปด้วยความลำบากเพราะน้ำจะท่วมถนนจากทิศเหนือของชุมชนก็คือหมู่ที่  ท่วมเข้าหมู่บ้าน  ฤดูแล้ง  จะมีฝุ่นละอองมากบนถนนทุ่งสว่างและถนนสี่แยกกลางบ้าน   และหากมีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข้าวสารจะใช้หอกระจายข่าวในช่วงเวลาตอนเช้าและตอนเย็นก่อนจะออกไปทำงานตามไร่นา  และการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารผ่านเสียงตามสายของเทศบาลตำบลแวงน่าง


การประปาและไฟฟ้า
      การประปาและไฟฟ้าในหมู่บ้าน  ในอดีตชาวบ้านค่อนข้างลำบากมากอยู่ห่างไกลความเจริญ  ดังนั้นน้ำเพื่อการบริโภคจะใช้น้ำจากบ่อบาดาลหลังบ้านและน้ำฝน   ส่วนน้ำที่ใช้เพื่อการเกษตรจะใช้วิธีการสูบน้ำและระบายน้ำจากหนองแวง  หนองนก  หนองดอนบักโก้ก  หนองขาว  หนองวังแสง  หนองสะแบง  หนองแวงน้อย  หนองดอนปู่ตา  สำหรับพื้นที่ทางการเกษตรที่อยู่ใกล้หนองน้ำปัจจุบันเกิดการชะล้างหน้าดินจากระบบการเกษตรของชาวบ้านส่งผลให้แหล่งน้ำตื้นเขินการไหลเวียนของระดับน้ำค่อนข้างลำบากไม่สามารถกักน้ำไว้ได้ตลอดทั้งปี  ดังนั้นเทศบาลตำบลแวงน่างจึงได้พัฒนาระบบประปาตำบลแวงน่าง  โดยใช้จากบ่อซึมของครัวเรือนและหนองแวงมาใช้อุปโภคในครัว  ส่วนหนึ่งของชาวบ้านในชุมชนแวงน่างใช้น้ำบ่อใต้ดินเป็นหลักและสูบน้ำขึ้นมาใช้ ในแต่ละช่วงฤดูกาลของชาวบ้านจะเลือกใช้ตามความเหมาะสมและความจำเป็นของแต่ละครัวเรือน  ส่วนไฟฟ้ามีใช้ครอบคลุมทุกครัวเรือนและสำหรับบ้านเรือนที่ขยายอยู่ล้อมรอบชุมชนหรือตามหัวไร่ปลายนาพบว่ามีการพ่วงสายไฟฟ้ากับหลังข้างเคียง

          การศึกษา


                ชุมชนแวงน่างมีโรงเรียนประถมศึกษา  1  แห่ง ด้านสถานการณ์การศึกษาของโรงเรียนบ้านหนองแวง  ในเขตการปกครองขององค์การบริหารส่วนตำบลแวงน่าง   มีโรงเรียนที่อยู่ในเขตการปกครอง  ดังนี้
1. โรงเรียนระดับประถมศึกษา                      จำนวน          4   แห่ง
          โรงเรียนบ้านดงน้อย       มีครูทั้งสิ้น       10    คน          มีนักเรียนทั้งสิ้น    231      คน
          โรงเรียนบ้านร่วมใจ 1     มีครูทั้งสิ้น         8    คน         มีนักเรียนทั้งสิ้น      85      คน
          โรงเรียนบ้านเก่าน้อย      มีครูทั้งสิ้น       10    คน          มีนักเรียนทั้งสิ้น    136      คน
          โรงเรียนบ้านหนองโพด    มีครูทั้งสิ้น         5    คน         มีนักเรียนทั้งสิ้น      44      คน
        2. โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น              จำนวน          2   แห่ง
          โรงเรียนบ้านดงน้อย       มีครูทั้งสิ้น         6    คน         มีนักเรียนทั้งสิ้น    117      คน
          โรงเรียนมหาวิชานุกูล     มีครูทั้งสิ้น       38    คน          มีนักเรียนทั้งสิ้น    650      คน                
       3. โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย           จำนวน          1   แห่ง
          โรงเรียนมหาวิชานกูล     มีครูทั้งสิ้น       30    คน          มีนักเรียนทั้งสิ้น    550      คน
       4. ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียน              จำนวน          1   แห่ง
          ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียน มีครูทั้งสิ้น          1    คน        มีนักเรียนทั้งสิ้น      85      คน
                   และมีศูนย์เด็กเล็กเทศบาลแวงน่าง  พบว่า  มีการบริหารจัดการเรียนการสอนค่อนข้างดีจำนวนนักเรียนพอเหมาะกับจำนวนคุณครู  แต่สถานที่ค่อนข้างจะคับแคบ  ดังนั้นจึงมีนโยบายแผนพัฒนาปี  พ.ศ.2558  ของเทศบาลตำบลแวงน่าง  จะย้ายสถานที่จากข้างสำนักงานเทศบาลไปสร้างที่แปลงผักรวมดอนบักโก้กหรือที่สาธารณะดอนบักโก้ก 
          การโทรคมนาคม
                   ในเขตการปกครองขององค์การบริหารส่วนตำบลแวงน่าง   มีสำนักงานบริการ   1  แห่ง  คือ บริษัท   ทศท.  คอร์ปอเรชั่น  จำกัด  (มหาชน)

          การคมนาคม
                    การคมนาคมของตำบลแวงน่าง มีการคมนาคมทางบกโดยใช้รถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นหลัก    ซึ่งมีเส้นทางการคมนาคมดังนี้
      - ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข      มค.2040
      - ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข      23
      - ถนนโยธาธิการ   มค.2015
      - ถนนสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท

ประวัติตำบลแวงน่าง

           




           ชุมชนแวงน่าง  ประกอบด้วย  บ้านหนองแวง  หมู่ที่ 1  บ้านหนองแวงหมู่ที่  8   และบ้านหนองเจริญ       หมู่ที่ 11  ตำบลแวงน่าง  อำเภอเมือง  จังหวัดมหาสารคาม  เป็นหนึ่งในจำนวน  17  หมู่บ้านภายในตำบลแวงน่าง  บ้านหนองแวงตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.ใดไม่มีใครทราบแน่ชัด  แต่มีเรื่องการก่อตั้งเมืองมหาสารคามที่ปรากฏอยู่  จากหนังสือพงศาวดารภาค  4  ฉบับหอสมุดแห่งชาติกรุงเทพมหานคร  โดยนายบุญช่วย  อัตถากร  อดีตนายกเทศมนตรีเมืองมหาสารคามเป็นผู้คัดลอกมามีข้อความตอนหนึ่งว่า  “นายโล่มีชาติกำเนิดมาจากเวียงจันทร์ ประเทศลาวได้อพยพถิ่นฐานมากับจารแก้วมงคล   เพื่อมาหาที่ทำเลตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เมืองศรีภูมิ  (อำเภอเสลภูมิจังหวัดร้อยเอ็ดในปัจจุบัน)  ซึ่งนายโล่ได้รับราชกาลอยู่กับเจ้าเมือง  เมืองร้อยเอ็ดเป็นเวลาหลายปี”  ต่อมา  นายโล่ได้พาพี่น้องอพยพไปทำเลใหม่ที่มีความสมบูรณ์กว่าเดิมเนื่องจากความพยายามในการก่อตั้งชุมชนมาหลายๆครั้งแต่เป็นลักษณะการย้ายมาอยู่ตามหัวไร่ปลายนามีการย้ายเข้าออกอย่างต่อเนื่อง  จนได้มาพบหนองน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์  มีป่าแวงหนาทึบ  จึงชวนกันออกมาล่าสัตว์บริเวณรอบหนองปรากฏเห็นรอยสัตว์หลายชนิดเช่น   กวาง  ฟาน  อีเก้ง  หมูป่า  เป็นต้น  สมัยก่อนพื้นที่ดังกล่าวเป็นดงช้างดงเสือ  มีสัตว์นานาชนิด  มากินน้ำบริเวณหนองแวงนี้อยู่ตลอดเวลา  นายพรานช่วยกันทำเครื่องมือสำหรับดักสัตว์โดยเอา  ปอ  ป่าน  และเทือง  มาทำเป็นเส้นเชือกยาว  เรียกว่าน่าง  แผ้วถางป่าที่เพื่อทำการเกษตรให้เหมาะแก่การเพาะปลูก  การทำมาหากินของชาวบ้านในระยะแรกของการย้ายเข้ามา  เพื่อใกล้บ้านเรือนจะติดกับหัวไร่ปลายนาของตนเอง  วิถีการดำรงชีพของชาวบ้านในชุมชนมีการพึ่งพิงและใช้ประโยชน์จากป่าเพื่อยังชีพ เนื่องจากชุมชนอยู่ติดกับพื้นที่ป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์  มีหนองน้ำใหญ่ถัดจากหนองแวงชื่อว่า  ดงหมาหิว  (ปัจจุบันเป็นสถานีบำรุงพันธุ์สัตว์)  มีระบบการเพาะปลูกได้แก่  ทำนา  ปลูกปอ  ปลูกมัน  ปลูกฝ้าย  และมันสำปะหลัง  ครั้นต่อมาชาวบ้านพรานแห  เขตธวัชดินแดง  อำเภอธวัชบุรี  จังหวดร้อยเอ็ด  มาขออยู่ด้วย  แต่พวกชาวบ้านหม่วยเมืองบัวไม่ให้อยู่ทับที่เดียวกัน  จึ่งต้องไปอยู่ทิศตะวันตกเรียกว่า  คุ้มบะม่อง  ต่อมาชาวบ้านจารทุ่งที่มาจากโคราช  ได้มาอยู่คุ้มวัดนาควิชัย  จึงพร้อมกันมาอยู่บ้านหนองแวงเพื่อปั้นหม้อเป็นอาชีพ  เพราะเห็นว่าดินหนองแวงเป็นดินเหนียวใช้ได้ทนทานขายได้ราคาดีเพราะมีคุณภาพ  จึงย้ายออกมาหลายครอบครัว  จากสายตระกูล  ได้แก่  สายตระกูลโยธะคง  ,ตะภา  ,สีจั๊ด แยกออกเป็นคุ้มชื่อว่าคุ้มทุ่งสว่างหรือคุ้มไทเบิ้ง  ต่อมาชาวบ้านปอกห้วยหนองหวายจากลุ่มแม่น้ำเป  จังหวัดหนองคาย  ได้อพยพจากน้ำท่วมมาหาที่อยู่ทางโคก  จึงมาเห็นชาวบ้านหม่วยเมืองบัวอยู่ที่ทับหนองแวงจึงขออาศัยอยู่ด้วย  มีพระภิกษุอยู่รูปหนึ่งมากับโยมพ่อโยมแม่  ชื่อของท่านคือนายโล่  ฉายา  โกวิโท  ซึ่งเคยเรียนบาลีมูลกัจจาย  ณ  สำนักเรียนพระหลักคำจันทร์  จังหวัดอุบลราชธานี  ต่อมาได้มีการการตั้งวัดใต้แวงน่าง  หลวงปู่โล่ได้อุปสมบทให้แก่พระภิกษุรอบเมือง  ตั้งสำนักเรียนวัดใต้แวงน่าง  เหตุที่เรียกว่าวัดใต้เพราะน้ำไหลมาทางทิศใต้  ครั้นต่อมาชาวบ้านคุ้มจารทุ่ง       เป็นชาวไทเบิ้ง  (ไทโคราช)  เห็นว่า  กินทานหรือทำบุญไม่ตรงกับลาว  เช่น  บุญข้าวสาก  คนลาวอีสานถือเอาวันเพ็ญเดือน  10  ชาวไทเบิ้ง (ไทโคราช)  ถือเอาเดือน  10ดับ  คือแรม 15  ค่ำเดือน  10  ขอตั้งวัดไทชื่อวัดทุ่งสว่าง  (ปัจจุบันเป็นสถานที่ตั้ง  รพ.สต.แวงน่าง)  ต่อมาชาวบ้านพรานแห่ซึ่งได้ตั้งบ้านเรือนอยู่  คุ้มบะม่องทางทิศตะวันตกอ้างเหตุผลว่าเดินทางมาทำบุญตักบาตรไม่ไหว  จึงขอนิมนต์หลวงปู่โล่  ตั้งวัดให้อีกชื่อวัดน้อย (ปัจจุบันคือวัดเหนือแวงน่าง)  หลวงปู่โล่  โกวิโท  เป็นพระเถระผู้ใหญ่เชี่ยวชาญทางวินัยปิฎก  พระสูตรรัตนตะปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ซึ่งชาวบ้านให้ความเคารพและเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจนำมาซึ่งความสงบสุขในการอยู่ร่วมกันของชุมชน   รูปแบบการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนจะรวมกันเป็นกลุ่มปลูกบ้านเรือนเป็นแนวถนนแนวรอบหนองแวง  ชุมชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม  ตามบรรพบุรุษ  ปลูกผักผลไม้ตามหัวไร่ปลายนาเพื่อการบริโภคในครัวเรือน  แจกจ่ายญาติพี่น้อง  มีการเก็บหาของป่าและสัตว์น้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติ
          พ.ศ.
2404  เจ้าเมืองร้อยเอ็ด  ( อุปฮาดสิงห์ )  ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงที่กำลังขยายหัวเมือง       ( รอบเมืองขึ้น )  จึงได้มองหาคนที่มีความรู้ความสามารถเพื่อสร้างบ้านแปลงเมืองขึ้นใหม่  อุปฮาดได้มองเห็นว่าคนที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะกับภารกิจนี้คือ ท้าวกวด  (ท้าวมหาชัย  ภวภูตานนท์)  แต่ขณะนั้นท้าวกวดยังรับราชกาลอยู่ในเมืองหลวง  ( กรุงเทพมหานคร )  จึงได้เรียกท้าวกวดให้กลับขึ้นมารับภารกิจนี้ พร้อมกับนำราษฎรจำนวน  2,000  คน ไปสร้างเมืองใหม่  ณ  กุดนางใย  หรือบ้านนางใย  ตำบลตลาด  อำเภอมหาสารคาม และตั้งท้าวกวดเป็นเจ้าเมือง แล้วได้รับพระราชทานนามว่า “พระเจริญราชเดช” 
          พ.ศ.  
2408  พระเจริญราชเดช  เจ้าเมืองมหาสารคามในขณะนั้นได้สร้างวัดขึ้นวัดหนึ่งอยู่กลางเมืองมหาสารคาม เพื่อเป็นวัดอารามหลวงประจำเมือง แต่วัดยังไม่มีอุโบสถ  ทางคณะกรรมการเมืองจึงพากันไปนิมนต์หลวงปู่โล่  โกวิโท  จากวัดใต้แวงน่างไปเป็นประธานสร้างอุโบสถวัดมหาชัย  (หลังเตี้ย)  ซึ่งมีผู้จารึกไว้เป็นอักษรขอมใจความว่า  “ยาคูเฒ่าบ้านหนองแวงคำน่างพามาสร้าง”  และเจ้าเมืองมหาสารคามในขณะนั้นได้ตั้งฉายาให้ว่า  “พระครูสุวรรณดี ศรีศิลสังวโล”  ตำแหน่งหลักคำ และได้ตำแหน่งอุปจฌาย์ ในท้ายที่สุดหลวงปูโล่  ได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดใต้แวงน่างจนถึงมรณภาพ ข้อสันนิษฐาน  บ้านหนองแวง  ก่อตั้งก่อนการสร้างวัดมหาชัย  และหลังจากการสร้างเมืองมหาสารคามซึ่งมีอายุเกินกว่า  200  ปี

สภาพภูมิประเทศ

สภาพภูมิประเทศ





                    ที่ตั้ง
ชุมชนแวงน่าง  ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของอำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม  และ      มีแนวเขตติดต่อกับศาลากลางจังหวัดมหาสารคามหลังใหม่  อยู่ห่างจากอำเภอเมืองมหาสารคาม 5  กิโลเมตร ลักษณะทางด้านกายภาพแสดงที่ตั้งอาณาเขตของชุมชนแวงน่าง มีดังนี้
ทิศเหนือ  ติดกับบ้านส่องนางใย ตำบลตลาด อำเภอเมือง  จังหวัดมหาสารคาม
ทิศใต้  ติดกับบ้านหนองโพด หมู่ที่ 
ตำบลแวงน่าง อำเภอเมือง  จังหวัด  มหาสารคาม
ทิศตะวันออก  ติดกับบ้านดงน้อย หมู่ที่ 
ตำบลแวงน่าง  อำเภอเมือง  จังหวัดมหาสารคาม
ทิศตะวันตก  ติดกับบ้านหนองเส็ง  หมู่ที่ 
ตำบลแวงน่าง อำเภอเมือง  จังหวัดมหาสารคาม

สภาพภูมิอากาศ 
มีลักษณะภูมิอากาศแบบมรสุมเมืองร้อน มี  3 ฤดู ฤดูร้อน  มีอากาศร้อนอบอ้าว เริ่มตั้งแต่ปลายเดือน  มีนาคม - พฤษภาคม  อากาศจะร้อนอบอ้าวอุณหภูมิเฉลี่ย  36 องศาเซลเซียส  ฤดูฝนจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมตอนปลายถึงเดือนตุลาคม ช่วงเดือนกันยายน มีนตกชุก  ฤดูหนาว จะเริ่มเดือนตุลาคม  -  มกราคม โดยได้รับลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือมีลมแรง  อุณหภูมิเฉลี่ย  17  องศาเซลเซียส

แหล่งทรัพยากร 
ชุมชนมีทรัพยากรสำคัญได้แก่  ป่าชุมชน  แปลงรวม  โคกทำเลเลี้ยงสัตว์  และแหล่งน้ำ แบ่งเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติ    คือ    แหล่งน้ำที่ใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้  ประกอบด้วย ห้วย ลำธาร จำนวน 7 แห่ง และหนอง บึง จำนวน 2 แห่ง แหล่งน้ำที่สร้างขึ้นเอง คือแหล่งน้ำที่ใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้และสามารถใช้การได้ ประกอบด้วย ฝาย จำนวน 6 แห่ง บ่อน้ำตื้น จำนวน 37 แห่ง คลองชลประทาน จำนวน   1 แห่ง และบ่อบาดาล บ่อตอก บ่อเจาะ จำนวน 77 แห่ง